
ประโยชน์ของการสอบรับรองมาตรฐาน
- ผู้สมัครเข้าสอบวัดระดับ ได้ทดสอบความรู้ของตนเอง ในมาตรฐาน NLP ที่สูงที่สุด และสามารถพัฒนาในจุดที่ท่านคิดว่าเหมาะสมได้
- ผู้ที่ได้รับการรับรองสามารถนำตราสัญลักษณ์สมาคมไปใช้ในการยื่นข้อเสนอต่อองค์กร หรือ ลูกค้าที่ท่านทำงานด้วยได้
- เทรนเนอร์ NLP ที่จัดสอน NLP ในระดับต่างๆ สามารถใช้ตราสัญลักษณ์ของสมาคม เพื่อยืนยันระดับมาตรฐาน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และประกอบการตัดสินใจของผู้เรียนได้
- เทรนเนอร์ NLP สามารถบรรจุตราสัญลักษณ์ของสมาคมลงในประกาศนียบัตรที่ท่านรับรองผู้เรียนของท่านได้
- กรณีที่ต้องการ สามารถขอให้สมาคมออกเอกสารรับรองว่าท่านสอบผ่าน และยื่นตรงต่อหน่วยงานที่ท่านร้องขอได้
- ผู้ที่ได้รับการรับรอง จะมีชื่อขึ้นอยู่ในทำเนียบสมาชิกที่ได้รับการรับรองตามระดับที่ได้รับการรับรอง พร้อมข้อมูลติดต่อ ตราบเท่าที่ยังเป็นสมาชิกปัจจุบันของสมาคม
มาตรฐานการรับรองของ ABNLP
ระดับ NLP Practitioner
ระดับผู้เกี่ยวข้องกับ NLP (NLP Associate Level)
ระดับผู้เกี่ยวข้องกับ NLP มีให้สำหรับคนที่ยังไม่ได้รับการรับรองทางด้าน NLP จากสถาบันที่ได้รับการรับรอง แต่อยากจะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับข้อมูลและการฝึกอบรมล่าสุด
ระยะเวลาในการฝึกอบรม
อย่างน้อย 120 ชั่วโมง ในการฝึกอบรมเกี่ยวกับรูปแบบ NLP พื้นฐาน สอนโดยเทรนเนอร์ที่ได้รับการรับรองหรือ มาสเตอร์ แพรคทิชั่นเนอร์ ที่ได้รับการรับรอง ภายใต้การควบคุมดูแลของเทรนเนอร์ที่ได้รับการรับรอง ในระดับนี้ไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับจำนวนชั่วโมงในห้องเรียน
การแสดงให้เห็นถึงความสามารถ
การแสดงให้เห็นถึงความสามารถในทักษะพื้นฐาน เทคนิค รูปแบบและแนวคิดของ NLP และความสามารถในการนำไปใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลงของตนเอง
เกณฑ์การสอบวัดระดับมาตรฐาน
NLP Practitioner
การรับรองมาตรฐานโดยสมาคมนิวโร ลิงควิสติก โปรแกรมมิ่ง ไทย ข้อสอบเป็นแบบอัตนัย จำนวน…..ข้อ (คะแนนเต็ม……….คะแนน) โดยท่านต้องทำข้อสอบให้ผ่านเป็นคะแนนร้อยละ…………..
หัวข้อที่ใช้ในการสอบ
- มีพฤติกรรมที่ควบรวบข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของ NLP ซึ่งรวมถึง
- มุ่งเน้นผลลัพธ์ด้วยการเคารพรูปแบบของโลกของผู้อื่นและสภาวะแวดล้อมของระบบ
- แยกได้ชัดเจนระหว่างแผนที่และอาณาเขต
- มีเพียงผลตอบรับ – ไม่มีความล้มเหลว
- ความหมายของการสื่อสารคือผลตอบรับที่คุณได้
- มีความตั้งใจที่ปรับเปลี่ยนได้ ในทุกพฤติกรรม
- ทุกคนมีทรัพยากรที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จ
- การต่อต้านเป็นสัญญาณของการเพซซิ่ง (ตามจังหวะ) ไม่เพียงพอ
- กฎของความหลากหลายที่จำเป็น
- การสร้างและคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดี (แรพพอรท์)
- การตามและการนำ (วัจนะภาษา และ อวัจนะภาษา)
- การประเมิน (ประสบการณ์จากประสาทสัมผัส)
- ระบบตัวแทน (คำขยายและลำดับในการใช้)
- เมทตะโมเดล
- มิลตันโมเดล
- การดึงผลลัพธ์ที่ออกแบบมาอย่างดี เหมาะกับสภาวะแวดล้อม และโครงสร้างของสภาวะปัจจุบัน
- ความทับซ้อนกันและการแปลความหมาย
- การสร้างเรื่องเปรียบเปรย
- กรอบต่าง ๆ – การเปรียบเทียบ, ความเกี่ยวข้อง, ถ้า, การย้อนความ
- แองเคอร์ (VAK)
- เทคนิคการแองเคอร์ประเภทต่างๆ (การใช้งานตามบริบท)
- ความสามารถในการขยับความรับรู้ภายในและภายนอก ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่ทำอยู่ต้องใช้อะไร
- เชื่อมโยงและไม่เชื่อมโยง
- การดึงความ
- คุณลักษณะรอง
- การดึงการตอบสนองทั้งจากอวัจนะภาษาและไม่ใช่
- การเข้าถึงและสร้างทรัพยากร
- การเปลี่ยนข้อสรุป
- กลยุทธ์ – การจับกลยุทธ์ การถอดกลยุทธ์ การใช้กลยุทธ์ และการติดตั้งกลยุทธ์
- แสดงถึงพฤติกรรมที่มีความยืดหยุ่น